รพิสรา ฉะคนไม่มีค่า ‘เรียนราชภัฏ’ ไม่เก่งเทียบเคียงจุฬาฯ เพียงแค่อยากปัดภาพจำ ‘พรีวิลเลจ’ ความนิยมความผิดพลาดการเล่าเรียนไทย เชื่อ 85 % มีแรงซัพพอร์ต ได้รับจังหวะที่ดี แตกต่างจากคนบ้านนอกที่เป็นความฝันเกินเอื้อมถึง
ช่วงวันที่ 25 เดือนกรกฎาคม  เดียร์ – พระอาทิตย์สรา เอกสกุล บัณฑิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงแขนณ์มหาวิทยาลัย แล้วก็เป็นเชลยคดี มัธยม112 จากการอ่านถ้อยแถลงภาษาเยอรมันสำหรับการรวมกันหน้าสถานทูตเยอรมันฯ  ตอนวันที่ 26 เดือนมีนาคม 2563 ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวว่า
“เมื่อเย็นมองเห็นสเตตัสของเด็กราชภัฏที่พูดว่าต้องการให้มีแผนการเปลี่ยนมาเรียนที่จุฬาที่มีคนบางกรุ๊ปแคปมาขำคิกๆคักๆกันแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ใจดำมากมาย
พวกเราอ่านพบคอมเม้นในทวิตเตอร์แนวแบบ “เด็ก ฬ เขาไม่มาอะไรกับราชภัฏหรอก มันคนละ tier กัน เขาไปตีกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นู้น” หรือ “ก็สอบให้ติดก่อนสิ” และจากนั้นก็คิดว่ามันเป็นคำบอกเล่าที่ใจดำมากมาย พวกเราไม่ฉงนใจที่เด็กราชภัฏจะไม่สบอารมณ์ในสถานะของมหาวิทยาลัยตนเอง ด้วยเหตุว่าสังคมยังคงตีตราว่าเด็กราชภัฏ = ไม่เก่ง สอบมหาวิทยาลัยเมืองดังๆไม่ติด พวกเขาไปไหน เพียงแค่มองเห็นชื่อมหาลัยก็โดนเหยียด โดนไม่ยอมรับ โดนปัดตกไปหมดแล้ว ด้วยเหตุดังกล่าวมันไม่แปลกเลยซักนิดถ้าเกิดเค้าจะรู้สึกโดนไม่มีค่าตลอดระยะเวลา
ยิ่งมองเห็นเด็กจุฬาออกมากล่าวว่า “ก็สอบให้ติดก่อนสิ” มันยิ่งดูใจร้ายมาก สำหรับเรามั่นใจว่า 85% ของผู้ที่ติดจุฬาเป็นผู้ที่ได้โอกาสในชีวิตดีมากยิ่งกว่าบุคคลอื่น อย่างพวกเราเองก็รู้สึกตัวมาตั้งแต่เด็กว่าไม่ใช่คนเฉลี่ยวฉลาดฉลาด แม้กระนั้นโชคดีที่ที่บ้านถึงจะไม่มั่งมีแม้กระนั้นก็มีแรงซัพพอร์ต ส่งไปเรียนพิเศษ ยิ่งตอนปิดภาคเรียนก่อนสอบเข้าตระเตรียมก็เช่าหอพักให้ไปเรียนในกรุงเทวดา ในเวลาที่เด็กต่างจังหวัดบางบุคคลยังไม่มีจังหวะได้ทราบเลยด้วยว่าตระเตรียมอุดม/จุฬาเป็นอย่างไร หรือถึงแม้ว่าจะรู้จัก มันก็เป็นความฝันที่ไกลจนถึงใครอีกหลายๆคนไม่คิดด้วยว่าตนเองจะเอื้อมถึง
พวกเราเชื่อถือในสมรรถนะของผู้คน(เกือบจะ)ทุกคน พวกเราเชื่อเสมอว่าหากทุกคนได้รับการค้นคว้าที่ดีรวมทั้งเสมอภาค ทุกคนก็มีสิทธิที่กำลังจะได้เป็นแสดงความสามารถในด้านที่ตัวเองถนัดผ่านการบ่มเพาะจากการศึกษาเรียนรู้ที่ดี ค่าความนิยมการเข้าตระเตรียมอุดม/จุฬานั่นก็คือความไม่ประสบผลสำเร็จของระบบการศึกษาเล่าเรียนไทยดีๆนี่เอง
การที่เด็กมหาลัย so called มีชื่อต่างๆออกมาขำคิกๆคักๆเด็กราชภัฏที่เพียงแค่อยากได้พิสูจน์ตนเองว่ามิได้ตรงตามภาพจำที่สังคมแออัดให้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการลืมราก privilege ในชีวิตของตนเลยซักนิด
สงสัยผู้ที่ออกมาเรียกร้องต้องการให้คนเสมอภาค แม้กระนั้นเพียงพอถึงหัวข้อนี้กลับขำชื่นชอบที่ตนเองสูงศักดิ์กว่าผู้อื่น แบบงี้เมื่อใดคนจะเสมอกันจริงๆพลาดท่า”
 

ตอนที่ จุฑาทิพย์ ศรีหมู่ แกนนำแนวร่วมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วก็การรวมกัน ทวิตเนื้อความแสดงความเห็นเรื่องความแตกต่างด้านการศึกษาในเชิงองค์ประกอบ กล่าวว่า
“ปัญหาเรื่องการเรียนรู้ไทยคือปัญหาเชิงส่วนประกอบที่สะสมมานาน ปีปัจจุบัน ศธ. ก็โดนตัดงบ ในภาคอุดมศึกษา การอุดหนุนงบประมาณก็มีความไม่เหมือนกันมากมาย ปี 2562 ราชภัฏ 38 ที่ ยังได้งบประมาณน้อยกว่า 3 มหาวิทยาลัย ตัวอย่างเช่น จุฬา มธนาคาร แล้วก็มหิดล”